ปฏิทินของฉัน

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การบริหารสุขภาพจิต

การมีสุขภาพจิตที่ดีคนที่มีสุขภาพจิตดี คือคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับเหตุการณ์หรือสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นไปในทางดีหรือร้าย แนวทางที่จะทำให้มีสุขภาพจิตดีมีหลายแนวทางดังต่อไปนี้

๑. ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุขเด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรมต่างๆ มักจะมาจากครอบครัวแตกแยกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบุคคลในครอบ- ครัวจะต้องช่วยกันทำให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข มีความรักต่อกันอย่างแน่นแฟ้น ครอบครัวเปรียบเสมือนโช้กอัพ (shock absorber) หรืออุปกรณ์กันสะเทือนของรถยนต์ เมื่อสมาชิกมีปัญหาร้าย ครอบครัวก็ช่วยกันแก้ไข เยียวยา ปลอบประโลม หาทางแก้ไขจนเรื่องร้ายกลายเป็นดี เมื่อสมาชิกมีโชคดีครอบครัวก็ช่วยแสดงความยินดีด้วย บางครั้งถึงกับเลี้ยง ฉลอง เป็นต้นยิ่งเป็นผู้สูงอายุ ยิ่งต้องเป็นหลักชัยของครอบครัว ช่วยชี้แนะลูกหลานในทางดี เป็นผู้นำในกิจกรรมเกี่ยว กับประเพณีวัฒนธรรมของครอบครัว จะทำให้คนในครอบครัวทุกคนมีสุขภาพจิตดี การที่ผู้สูงอายุจะเป็นหลักชัยของครอบครัวได้ดี จำเป็นที่ผู้สูงอายุต้องเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลก และเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ปัจจุบัน อย่าจมปลักอยู่กับอดีต จนทำให้เด็กสมัยใหม่ล้อเลียนว่า "ไดโนเสาร์-เต่าล้านปี"การที่ผู้สูงอายุคิดไปอยู่บ้านคนชรา หรือหนีครอบ-ครัวไปอยู่คนเดียวเป็นความคิดที่ผิด ทำนองเดียวกัน การที่ลูกหลานคิดนำพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายไปอยู่บ้านพักคนชรา ไม่ทดแทนบุญคุณ...เป็นบาปจงช่วยกันทำครอบครัวให้ร่มเย็นเป็นสุข แล้วทุกคนจะมีสุขภาพจิตดี

๒. มีเพื่อนสนิทมิตรสหายและไม่อยู่เดียวดายมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่เป็นหมู่คณะ แต่ละคนก็ต้องมีเพื่อนเป็นธรรมดาเพื่อนคือของหวานแห่งชีวิต เมื่ออายุยังน้อยก็มีเพื่อนร่วมเรียน อายุมากขึ้นก็มีเพื่อนร่วมงาน สูงวัยหรือสูงอายุ เพื่อนเก่าๆ เริ่มล้มหายตายจากไปเป็นธรรมดา จำเป็นที่จะต้องหาเพื่อนใหม่ไว้เพิ่มเติมเสมอ เพื่อไว้คุยปรึกษาหารือกัน ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถ้าใกล้เคียงก็ย่อมดี ปัจจุบันมีการตั้งชมรมผู้สูงอายุตามชุมชนมากมาย ผู้สูงอายุสามารถเลือกเป็นสมาชิกชมรมใกล้บ้าน จะได้มีเพื่อนใหม่และมีกิจกรรมร่วมกันช่วยคลายความเหงาได้มาก ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น

๓. รู้จักแก้ปัญหาที่ถูกต้องทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครไม่มีปัญหา ปัญหาทำให้เกิดทุกข์ เราต้องรู้จักแก้ทุกข์ หรือแก้ปัญหานั้นให้ได้ อย่าหนีปัญหาเพราะหนีอย่างไรก็ไม่พ้นจงแก้ปัญหาด้วยปัญญาและเหตุผล ถ้าปัญหาไม่มีทางแก้ให้หายขาดได้ จงปรับตัวอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด
๔. รู้จักพอปัจจุบันคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมักเกิดจากความโลภไม่รู้จักพอ แล้วมีผลทำให้เครียด ผลจากความเครียดก็จะทำให้สุขภาพทั้งกายและจิตเสียไปด้วย การรู้จักพอเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาอันนี้ได้

๕. มีงานทำตลอดเวลาทุกคนต้องทำงาน งานอะไรก็ได้ ไม่ว่างานนั้นจะมีรายได้หรือไม่มีรายได้ ขอให้เป็นงานที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน คนที่ไม่ทำงานจะซึมเศร้าและคิดมาก พลอยให้สุขภาพจิตเสีย แต่การทำงานช่วยแก้ทุกข์ได้

๖. ใช้ธรรมะจรรโลงใจธรรมะในทุกศาสนาจะชี้แนะให้ทุกคนมีสุขภาพจิต ดีทั้งนั้น ขอให้ปฏิบัติและศึกษาธรรมะของแต่ละศาสนาให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องสติและวิปัสสนา จะช่วยทำให้ สุขภาพจิตดีได้มาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น